ชื่อพระ | เหรียญหลวงพ่อเทียม |
รายละเอียดพระ | เหรียญหลวงพ่อเทียม รุ่นรับเสด็จ 2519 พระวิสุทธาจารเถร นามเดิมว่า เทียม นามสกุล หาเรือนตศรี เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2447 ตรงกับวันเสาร์ 11 ค่ำ เดือน 8 ในรัชกาลที่ 5 ณ ต่าบล บ้านป้อม หมู่ที่ 77 อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นาย สุ่น มารดาชื่อ นางเลียบ หาเรือนศรี ประกอบอาชีพเป็นชาวนา การศึกษาเบื้องต้น เมื่ออายุประมาณ 10 ปี บิดามารดาได้น่าท่านมาฝากไว้ ณ วัดกษัตราธิราช เรียนหนังสือ ก ข กับพระภิกษุมอน ผู้เป็นน้าชาย เมื่อพระภิกษุมอน ลาสิกขา ท่านก็คงอยู่เรียนหนังสือต่อไป โดย เป็นศิษย์ของ อาจารย์ปิ่น ให้ช่วยสอนหนังสือให้ ในขณะเดียวกันก็ได้ ศึกษาความรู้ทางด้านวิชา ช่างเขียนช่างแกะสลกัไปด้วยจากนั้นอายุ 1-12เรียนช่างเขียนส่าเร็จก็ฝากตัวเป็นศิษย์ของ อาจารย์จันทร์ เรียนภาษาขอมจนถึงอายุ 15-16 ปี จึงได้ออกจากวัด เพื่อช่วยทางครอบครัวซึ่ง ประกอบอาชีพทำนา ผู้ใฝ่ในการศึกษา ขณะที่ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพได้เริ่มเรียนวิชาไสยศาสตร์แบบลงผงลงยันต์กบัอาจารย์ ทรัพย์ ผู้เป็นลุง และนายสุ่นผู้เป็นบิดา พร้อมกับเรียนวิชาธาตุกสิณ กับคุณอาเงิน ผู้เป็นอา เมื่อ เรียนธาตุกสิณเป็นแนวทางแล้ว อาเงินเป็นศิษย์ของหลวงพ่อโป๋ วัดแดงใต้ อ่าเภอ ท่าเรือ จังหวัดอยุธยาได้เรียนวิชาการแขนงอื่นๆ อีกหลายสาขาเช่น การประดับตกแต่ง เรียนช่าง ก่อสร้าง ช่างปูน ช่างไม้ กับลุงเชย ตอนนั้นอายุ 17 ปี พออายุ 18-19 ปี ได้เรียนวิชากระบี่ กระบอง และกลองแขกคู่ เป่าปี่ชวากับคุณพี่ สมบุญ และ คุณลุงแช่ม เมื่อเรียนส่าเร็จแล้วได้ ออกไปแสดงตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในงานส่าคัญต่างๆในจังหวัด เช่น งานพระราชทานผ้าพระ กฐิน ณ วัดสุวรรณดาราราม วัดเสนาสนาราม วัดศาลาปูน วัดตูม ฯลฯ และได้เรียนวชิ ากระบี่ กระบองเพิ่มเติม จากนายเขียว บ้านห่อหมก อ่าเภอบางไทร ในระยะที่เป็นเลาว่างงานก็ใช้วิชาที่ เรียนมาน่าไปประกอบอาชีพบ้าง ท่าช่างไม้ เป็นลูกมือ พี่เกลี้ยง มีศักดิ์ เป็นพี่ชาย อุปสมบท ต่อมาเมื่ออายุ 20 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกษัตราธิราช เมื่อวันศุกร์ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีชวด ตรงกับวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2467 ตรงกับวันศุกร์ โดยมี พระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชเป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์หล่ำ วัดกษัตราธิราชเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทองดี วัดพระงาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า สิริปัญโญ เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรม ณ ส่านักเรียนวัดเสนาสนาราม 2 พรรษาและ ได้ ศึกษากรรมฐานกับหลวงพ่อสี วัดสนามชัยทางปิติ 5 และเรียนพระกัมมัฎฐานทางประมวลกับอาจารย์จาบ กับอาจารย์เหม็ง วัดประดู่ทรงธรรม ครั้นพรรษาที่ 2 ได้ปฏิบัติทางสมถะภาวนา ตลอด ประจ่าอยู่วัดกษัตราธิราช พอพรรษาที่ 3 ไปศึกษา วิปัสสนากรรมฐาน กับหลวงพ่อม่วง วัดโบสถ์ เป็นอาจารย์ของท่านอาจารย์จาบ แห่งวัดประดูทรงธรรม ผู้เป็นอาจารย์สอนสมถะให้ หลวงพ่อเทียม 2 พรรษา แล้วกลับมาอยู่ ณ วัดประดู่ทรงธรรม อีกครั้ง เพื่อศึกษาวิชา สมถะ ฝ่ายกสิณ 10 อนุสสติ 10 ยุคล 6 จงกรม พร้อมด้วนเริ่มเรียนวิทยาคมต่างๆ เช่น เป่า พ่น ปลุก เสก ลงเลขยันต์ ตามต่าหรับวัดประดู่ทรงธรรม จนถึงพรรษาที่ 9 จึงกลับมาอยู่ วัดกษัตราธิราช เนื่องจากพระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ของท่าน ได้อาพาธหนัก จึงได้มารับใช้สนองพระคุณของพระอุปัชฌาย์ การกลับมาครั้งนี้ของท่าน ท่านได้น่าตำราพิชัยสงคราม กับตำรามหาระงับพิสดาร รวมถึง ตำราเลขยันต์อื่นๆติดตัวมาด้วย จนกระทั่งจากพระครูวินยานุวัติคุณ มรณภาพ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 หลัง จากจัดการศพของท่านจากพระครูวินยานุวัติคุณ เสร็จแล้วจึงเดินทางไปศึกษากรรมฐาน ณ วัดวรนาถบรรพต (วัดเขากบ) จ.นครสวรรค์ เมื่อศึกษาส่าเร็จได้ตามที่ท่านตั้งใจแล้วท่านจึงเดินทางกลับมายังวัดกษัตราธิราช ตามเดิม ท่านเป็นลูกศิษย์ ของก๋งจาบ ฆราวาสจอม ขมังเวทย์ยุคเก่าสายวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งก๋งจาบท่านนี้ยังเป็นครูบาอาจารย์ ของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราฯ หลวงพ่อแทน และหลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง พระเกจิอาจารย์ทั้ง สาม รูปนี้ มักได้รับ นิมนต์ เชิญให้ไปร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก อธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เป็นประจ่า โดยหลวง พ่อแทน หลวงปู่เทียม และหลวงพ่อกี๋ คือ สามพระเกจิอาจารย์ สายวัดประดู่ทรงธรรม ผู้จาร แผ่นชนวนยันต์ หลอมไม่ละลายในเบ้าหลอม ชนวนยันต์ ในพิธี วัดประสาทฯ เมื่อปี 2506 เป็น ที่ฮือฮา และ โด่งดังมาก ในสมัยนั้น นั่น แสดงถึง ความเข้ม ขลัง มหายันต์ อันศักดสิ์ ทิ ธิ์ และความเข้ม ขลัง แห่ง พลังจิต ของพระเกจิอาจารย์ทั้งสามรูปนี้ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท ท่านยังให้ความเคารพนับถือ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช รับตำแหน่งเจ้าอาวาส หลังจากที่ต่าแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง โดย พระมหาสิน นันโท ลาสิกขาบท เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2483 พระครูไพจิตรวิหารการ (บัว สีลโสภโน) จากวัดประดู่ทรงธรรม ได้ด่ารงต่าแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อ ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 จนถึง พ.ศ. 2496 พระครูไพจิตรวิหารการ ได้ลาออกจากต่าแหน่ง เจ้าอาวาส ทางคณะสงฆ์จึงเห็นสมควร แต่งตั้งให้ หลวงพ่อเทียมซึ่งใน ขณะนั้นท่านด่ารงสมณศักดิ์ พระใบฎีกา รักษาการแทน จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช องค์ที่ 8 ในปี พ.ศ.2496 อุปนิสัยของหลวงพ่อ ท่านเป็นพระเถระที่ฝักใฝ่อยู่ในวิปัสสนาธุระ และมั่นคงอยู่ในเพศพรหมจรรย์ตลอดชีวิตสมณะ ท่าน ท่านตั้งอยู่ในพรหมวิหาธรรม ให้ความคุ้นเคย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบุคคลทุกชั้นวรรณะ มิได้แสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเหตุให้อาคันตุกะได้รับความหนักใจ เพราะความที่ ท่านเปี่ยมไป ด้วยความเมตตากรุณา นั้นเอง ท่านจึงต้องใช้สังขารอย่างลำบากตรากตรำ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่บุคคลและผู้หันหน้ามาพึ่ง โดยท่านมิได้คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลา ส่วนตัว กิจธุระนอกวัดก็มากขึ้นเป็นล่าดับ เมื่อกลับมาถึงวัดก็ ควรได้รับการพักผ่อนพอถึงกุฏิก็ต้องมีบุคคลมารอพบหมายจะให้ท่านช่วยแก้ปัญหาทุกข์ร้อน อยู่เป็นประจ่า ด้วยความเมตตา และกรุณาของท่านนี้เอง จึงมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสในท่านเป็น จ่านวนมาก ท่านบ่าเพ็ญตน อยู่อย่างนี้ตลอดมา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ความอบอุ่น ร่มเย็นแก่ ชาวบ้านและชาววัดตลอดมา ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล เมื่อมาถึงหลวงพ่อแล้วย่อมได้รับ ความ อนุเคราะห์ โดยทั่งหน้ากัน เป็นที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ความศักดิ์สิทธ์ หลวงพ่อ เทียมท่านสามารถแก้คุณไสยได้ชะงัดโดนยาเบื่อยาสั่งคุณไสยโดนกระท่าท่านรักษา ก็ จะหายหมดทุกรายชาวบ้านเล่าลือกันว่าขนาดหมอไสยศาสตร์ปล่อยของให้ลอยไป เรื่อยๆตามที่ ต่างๆพอลอยมาแถววัดกษัตราธิราชหรือบริเวณหน้าวัดก็เป็นว่า เสื่อมหมดฤทธิ์ทันทีสมัยที่หลวง พ่อเทียมยังมีชีวิตอยู่พวกหมอ ไสยศาสตร์พากัน เข็ดขยาดไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านแม้เดินผ่าน หน้าวัดก็ตามเพราะกลัววิชาอาคม เสื่อมทุกรายในส่วนบารมีของหลวงพ่อในสมันที่หลวงพ่อ เทียมท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ผลดัวันมรณภาพกับยมบาลได้ถึงสองครั้งครั้งแรกตอนที่ท่านอยู่ วัดกษัตราใหม่ๆท่านต้องตรากตรำอย่างหนักเกี่ยวกับงาน สร้างอุโบสถในการท่าตะกรุดแจก ชาวบ้านจึงเกิดอาการอาพาธท่านเห็นยมทูตสองตนมา นิมนต์ท่านเพราะท่านก็ขอผลัดไปก่อน เพราะยังสร้างอุโบสถยังไม่แล้วเสร็จยมทูต จึงกลับไปหลังจากนั้นยมทูตก็มานิมนต์ท่านอีกท่านก็ ขอผลัดท่างานพระพุทธศาสนา เหมือนครั้งก่อนยมทูตก็ยินยอมจึงกลับไปก่อนจนกระทั่งท่าน สร้างอุโบสถเสร็จ ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้ส่าเร็จลุล่วงไปได้นั้นท่านถึงได้มรณภาพไปอย่าง สงบ พระสงฆ์ที่สามารถผลัดวันกับยมบาลได้นั้นจะมีสักกี่ท่านกัน มรณภาพ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2522 หลวงพ่อละสังขาร ด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 75 ปี 55 พรรษา เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 จึง จัดให้มีการพระราชทานเพลิงศพ พระวิสุทธาจารเถระ อ้างอิง มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. (2548). กฐินพระราชทาน วัดกษัตราธิราชวรวิหาร. พระนครศรีอยุธยา: ส่านักพิมพ์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “ |
หมวดหมู่ | เหรียญหล่อ / ปั้ม |
ร้านพระ | โชคเจริญทรัพย์ |
เบอร์โทรศัพท์ | 0866278195 ID LINE 0866278195 |
เมื่อวันที่ | 2021-01-29 |
ยอดเข้าชม | 261 ครั้ง |
สถานะ | โทรถาม |